เทศน์เช้า

เทศน์เช้า

๒๑ ต.ค. ๒๕๖๒

เทศน์เช้า วันที่ ๒๑ ตุลาคม ๒๕๖๒

พระอาจารย์สงบ มนสฺสนฺโต


ณ วัดป่าสันติพุทธาราม (วัดป่าเขาแดงใหญ่) ต.หนองกวาง อ.โพธาราม จ.ราชบุรี


อ้าว! ตั้งใจฟังธรรมะ วันนี้วันพระ วันพระนะ วันพระ วันโกนเป็นวันแสวงบุญกุศลของชาวพุทธ แล้วชาวพุทธผู้ที่เขามีจิตศรัทธาของเขา เขาอยากจะประพฤติปฏิบัติ เขาไปปฏิบัติที่วัด เวลาไปปฏิบัติที่วัด แต่ละวัดเขาก็สอนแตกต่างกันไป พอแต่ละวัดสอนแตกต่างกันไปมันเป็นความเชื่อ ความเชื่อ ถ้าเป็นความเชื่อนะ ความจริง ถ้าความจริงลบล้างความเชื่อ ถ้าเป็นความจริงแล้ววางหมดเลย เพราะมันรู้จริง แต่ถ้าความจริงยังไม่ได้ มีแต่ความเชื่อ มีแต่ความศรัทธา มีแต่ทิฏฐิมานะ มีแต่ความรู้ความเห็นของตน

ถ้าความรู้ความเห็นของตนนะ สมาธิหลับตา สมาธิลืมตาไม่มี ไม่มีหรอก มันมีแต่ที่ว่าเวลาเขาบอกมิจฉาสมาธิ หรือว่าสะกดจิต หรือว่าอุปาทานหมู่ เขาแก้ไขกันไปตามความเชื่อของเขา ถ้าความเชื่อของเขานะ ถ้ามีครูบาอาจารย์ที่เป็นจริงนะ เขาจะแก้ไขของเขา เพื่อให้เป็นประโยชน์กับผู้ปฏิบัตินั้น แล้วถ้าผู้ปฏิบัตินั้นทำคุณงามความดีได้จริง เขาทำสัมมาสมาธิได้จริง เวลาเขาทำสัมมาสมาธิได้จริงนะ สิ่งนั้นเขาจะรู้เลยสัมมาสมาธิเป็นแบบนี้

แต่เวลาประพฤติปฏิบัติไปมันมีอุปสรรคทั้งนั้นน่ะ เพราะคนเราเกิดมามันมีจริตนิสัย คือกรรมเก่า เขาบอกกรรมก็ไม่มี วัฏฏะก็ไม่มี จิตก็ไม่มี ดวงก็ไม่มี เกิดมาเป็นคนคนเดียว ว่าอย่างนั้นน่ะ ไง มันขัดแย้งกันไปหมดเลย มันขัดแย้งเป็นเรื่องจริตนิสัย จริตนิสัยของคน เวลาหลวงปู่มั่นท่านสอน ท่านสอนเฉพาะบุคคล บุคคลไป แล้วท่านถามนะ ท่านถามจิตเป็นอย่างไร ท่านแก้จิตของท่านไป ท่านแก้ของท่านไปเป็นขั้นเป็นตอนเข้าไป ถ้าแก้เป็นขั้นเป็นตอนเข้าไป นั่นน่ะ ศีล สมาธิ ปัญญา

ศีลคือความปกติของใจ ศีลก็เป็นศีลน่ะ ถือศีล ๕ เป็นอริยบุคคลได้ไหม ได้ แต่เขาจะได้มาด้วยอะไร ได้มาด้วยศีล ด้วยสมาธิ ด้วยปัญญา ด้วยการกระทำของเขา ไม่ใช่ด้วยการชี้รับรองของใคร ไม่มี แต่มันสำคัญ สำคัญตอนที่เราประพฤติปฏิบัติ เราขวนขวายกันอยู่มันไม่มีคนชี้ คนบอกทางไง ถ้าไม่มีคนชี้คนบอกทาง ธรรมะขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าจะไม่มีขัด ไม่มีแย้ง ไม่ขัดแย้งกัน ถ้ามันเป็นความจริงนะ ที่มันขัดมันแย้งกันเพราะมันเป็นความไม่จริงไง พอความไม่จริงต้องลืมตา พอลืมตาขึ้นมาแล้วมันได้มีผัสสะ มีสัมผัส

หลับตา หายใจเข้านึกพุท หายใจออกนึกโธ มีสัมผัสไหม เพราะลมหยาบ ลมละเอียด จนลมหายใจขาดไปเลยนะ ลมหายใจไม่มีเลยเป็นอัปปนาสมาธิ มีสัมผัสไหม พุทโธๆ พุทโธ วิตกวิจาร สัมผัสไหม ถ้าไม่สัมผัส เราหายใจทิ้งเปล่าๆ คนที่ไม่เคยภาวนาเขาก็หายใจอยู่นะ แต่นั่นน่ะเขาหายใจโดยวิทยาศาสตร์ โดยธรรมชาติของมนุษย์ ต้องการอากาศที่บริสุทธิ์เพื่อฟอกโลหิต เพื่อเลี้ยงสมอง แล้วมันก็เป็นเรื่องของร่างกายไง ไอ้นั่นผัสสะโดยเขาไม่รู้ตัวเลย แต่ถ้าเวลาเราผัสสะ สัมผัส ถ้าไม่สัมผัส ไม่สัมผัสก็นั่งหลับไง ไม่สัมผัสก็ลมหายใจหายไปโดยพยายามทำให้มันหายไปไง

เวลาครูบาอาจารย์ท่านบอกว่าพุทโธจนพุทโธหายไป ทุกคนก็ไปแกล้งให้มันหายไง ทำเคลิ้มๆ หลับไปน่ะ อันนั้นพุทโธหาย คำว่า “พุทโธหายมันยังมีอีกหลากหลายเลยนะ หลากหลายว่าหายจริงหรือหายปลอม หายหรือแกล้งหาย หายหรือจงใจทำให้หาย หายโดยขาดสติ ตกภวังค์ไป แต่ถ้ามันหายไปโดยสัจจะความจริง โอ้โฮ! สักแต่ว่ารู้ สักแต่ว่าปรากฏ ไม่สัมผัสใดๆ ทั้งสิ้น จิตเป็นอิสระ อัปปนาสมาธิ ใช้วิปัสสนาไม่ได้ เพราะไม่มีผัสสะ อัปปนาสมาธิ สักแต่ว่า ผัสสะอะไร แต่มันก็อาศัยผัสสะนี้เข้าไป

เขาบอกว่ามันไม่มีเวทนา ไอ้คนนั่งภาวนารู้ เอ็งไม่มีเวทนาหรือหลับตา ไอ้คนนั่งหลับตาไม่มีเวทนาใช่ไหม มันเจ็บปวดจะเป็นจะตาย ไม่มีเวทนาหรือ ผัสสะ ผัสสะ ไม่มีผัสสะ มันไม่มี โดยพื้นฐานไม่มีหลับตา ลืมตา มีแต่มิจฉาหรือสัมมา มีแต่อุปสรรค มีแต่การกระทำ ทำดีได้ดี ทำชั่วได้ชั่ว

วันนี้วันพระ เราไปวัดไปวาขึ้นมา เราพยายามขวนขวายของเรา ขวนขวายจากไหน ขวนขวายเพื่อให้เรามีความสมบูรณ์ของความเป็นมนุษย์ ในบรรดาสัตว์สองเท้า องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าประเสริฐที่สุด วันคืนล่วงไป ล่วงไปนะ สิ่งที่ชีวิตนี้มีการพลัดพรากเป็นที่สุด เวลามันจะเจ็บ จะปวด เวลามันจะเป็นมันจะตายขึ้นมา มันถึงจะคิดได้ไง อาหารการกินเอร็ดอร่อยทั้งนั้นน่ะ เวลามันเจ็บป่วยมันกินไม่ได้นะ เห็นแล้วมันสะอิดสะเอียน อาหารอันเดียวกันนั่นแหละ เวลาคนเจ็บไข้ได้ป่วย เวลาคนที่เบื่ออาหาร เขากินของเขาไม่ได้เลยนะ แต่ถ้าเวลามันหนุ่มมันแน่น กระสอบหนึ่งมันก็กินหมดนะ ข้าวน่ะ กินได้ทั้งนั้นน่ะ มันเอร็ดอร่อย

ไง มันก็เป็นอาหารดั้งเดิมอยู่นั่นแหละ แต่ถึงคราว ถึงคราวเวลาคนมันเบื่อมันหน่าย มันเกิดโรคภัยไข้เจ็บ แต่เวลาพระเราบิณฑบาตนะ เวลาจะฉันอาหาร ปฏิสังขาโย เวลาครูบาอาจารย์นะ หลวงปู่มั่นเวลาท่านพิจารณาอาหารของท่าน จนเม็ดข้าวกลายเป็นตัวหนอนเลยน่ะ แล้วก็มีแม่ชีแก้วอีกคนหนึ่งที่เป็นอย่างนั้น เวลาเป็นอย่างนั้นขึ้นมา ไปถามหลวงปู่มั่นไง มันขยะแขยง มันกระอักกระอ่วน ท่านก็แก้ให้ไง ก็ต้องปฏิสังขาโย

ร่างกายนี้เป็นของเน่าเสีย ร่างกายเวลาชราคร่ำคร่าไปแล้ว เวลาตายไปแล้ว ๓-๔ วันเน่าหมดน่ะ มันเป็นของเน่าเสีย อาหารมันก็เป็นของเน่าเสีย ถ้าเก็บไว้ไม่เรียบร้อย แต่เวลาที่มันยังสดๆ ยังสดดีอยู่ เราก็พิจารณาปฏิสังขาโยเพื่อหล่อเลี้ยง เพื่อเยียวยาธาตุขันธ์ เพื่ออะไร เวลาท่านแก้ท่านไข เขาแก้จิตกันนะ คนไม่เป็นแก้ไม่ได้หรอก พิจารณาจนเม็ดข้าวเป็นเหมือนตัวหนอนอยู่ในโถส้วม ทำไมมันเป็นได้อย่างไร เขาบอกว่ามันไม่มีอยู่ในพระไตรปิฎก แล้วหลับตา ลืมตามันมีอยู่ในพระไตรปิฎกหรือเปล่าวะ อยู่เล่มไหน หน้าไหนวะหลับตา หลับตา มีแต่สัมมาหรือมิจฉา มันไม่มีอยู่จริงหรอก เพราะมันไม่มีอยู่จริง มันถึงไม่เป็นความจริงขึ้นมาไง

ถ้าเป็นความจริงขึ้นมา เป็นความจริงขึ้นมานะ ศีล สมาธิ ปัญญา มันเป็นเรื่อง องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้ากราบธรรมๆ แต่ธรรมนั้นยิ่งใหญ่มาก แล้วเวลามาเกิดเป็นมนุษย์ เกิดเป็นมนุษย์ การเกิดเป็นมนุษย์เป็นอริยทรัพย์ เพราะการเกิดเป็นมนุษย์มีสมอง การเกิดเป็นมนุษย์ ดูสิ ครอบครัวบางคนสร้างเนื้อสร้างตัวเป็นเศรษฐีโลกเลย คำว่า “เศรษฐีโลก พ่อแม่ปู่ย่าตายายของเรานะ มีความสุขทั้งนั้นเลย แต่บิลเกตส์มันบอกเลย ไม่ให้โลกรวยทำร้ายลูกเรา มีเงินมันบริจาคหมดเลย ลูกก็แบ่งให้พอสมควร แล้วพยายามขวนขวายทำงานของตนขึ้นมา ไม่ใช่ให้โรครวยไปทำร้ายใคร

นี่ก็เหมือนกัน สิ่งที่เรามาวัดมาวาขึ้นมา สิ่งนี้มันมีประโยชน์มากน้อยแค่ไหน มนุษย์มันสำคัญตรงนี้ไง สำคัญตรงที่การกระทำไง ถ้าหายใจเข้านึกพุท หายใจออกนึกโธ ถ้ามันเป็นความจริงขึ้นมาเพราะอะไร เพราะมันมีนวกรรม จิตที่มันไม่ทำอะไรเลยไม่มีหรอก เถ่อมองลืมตาแล้วไม่เคยดูแลเลย แล้วปล่อยมันไป ไอ้มันท่องจำทั้งนั้นน่ะ มันท่องจำ มันเก๊ก ตอนนี้นะ ไม่เคยโกรธใครนะ อย่ามาด่านะ ด่าออกทันทีเลย

เวลามันจะบอกว่ามันไม่มีอะไรมันจะกดไว้ มันจะรักษาไว้ ไม่มีใครกระทำไว้ ทั้งๆ ที่ไม่รู้ไม่เคยเห็นตัวมันเลยนะ แล้วถ้าขั้นของปัญญาล่ะ ยัง ศีล สมาธิ ปัญญา ถ้ามันเกิดสัมมาสมาธิ สิ่งที่เกิดสติปัญญาขึ้นมา เกิดสติปัญญารักษาใจของตนให้สงบระงับเข้ามา แล้วคนที่ไม่มีวุฒิภาวะเขาว่าคือนิพพาน นิพพานเป็นเช่นนี้เอง ไม่ใช่ ไม่ใช่หรอก นั่นคือเป็นสมาธิ มันสมาธิจับ จับอะไร ถ้าเวลาสมาธิเป็นสัมมาสมาธิ แล้วพยายามฝึกหัดใช้ปัญญารักษามันให้ดีงาม ให้ดีงามนะ บางคนไปเบื่อหน่าย บางคนวุฒิภาวะต่ำ ก็คิดว่าแค่นี้ แค่นี้ไง มันไม่เจริญก้าวหน้าไปไง

ถ้ามันเจริญก้าวหน้า เวลาสงบระงับแล้ว สังเกตสิ สังเกต ดูแลจิตของตน จิตธรรมชาติของมัน มันเสวย ความรู้สึกนึกคิด เวลามันคิด ความคิดมันอยู่ที่ไหน เวลาความคิดที่มีอยู่ เราลืมไปเรายังลืมได้เลย ลืมก็เปิดหนังสือกันใหญ่เลยเพื่อจะไปรื้อฟื้นมันมา แต่ถ้ามันฝึกหัด ถ้าไม่หัดคิดจะเป็นอัลไซเมอร์

นี่ก็เหมือนกัน ถ้าไม่หัดรู้สึกนึกคิด ไม่เคยดูแลรักษานะ ดูจิตไง เวลาจิตมันเสวยอารมณ์ไง ถ้าเห็นจิตเสวยอารมณ์ขึ้นมา ถ้ามันจับได้ นั่นขั้นของ ปัญญามันจะไปเกิดข้างหน้านู่น สุตมยปัญญา จินตมยปัญญา ภาวนามยปัญญา ไอ้ปัญญา ปัญญาปากเปียกปากแฉะ นกขุนทอง ซ้ำๆ ซากๆ ไม่มีสมบัติของตน หากินไม่เป็นไง นกเวลามันบินนะ มันบินมันจับแมลงกินมันธรรมชาติของมัน มันจับได้ มันกินได้ ไอ้ขุนทองต้องเปิดสมุดนะ ต้องเปิดคอมพิวเตอร์สิ ตัวเองไม่มีอะไรเลย ละเอี๊ยดละเอียด ละเอียดจนไม่มีอะไรเลย แล้วถ้าของคนอื่นผิดหมดนะ 

ไง ถ้ามันไม่เป็นความจริง มันไม่มีอยู่จริงหรอกหลับตา ลืมตา หลับตา ลืมตามันเป็นกิริยา มันเป็นเรื่องวิทยาศาสตร์ มันเป็นเรื่องธรรมดาของมนุษย์ แล้วมนุษย์ที่ตาบอดนะ เป็นศาสตราจารย์ เป็นดอกเตอร์ แล้วถ้าผู้ที่ใครเป็นคนพิการนะ ธรรมชาติมันจะส่งเสริมให้ไปเด่นในเรื่องอื่น ถ้าคนตาบอดมันก็จะเด่นเรื่องสัมผัส ถ้าคนหูหนวกมันก็จะเด่นเรื่องสายตาที่จับต้องได้ง่าย ธรรมชาติปรับสภาพให้คนตาบอด ให้คนพิการได้มีจุดเด่นของเขาอย่างใดอย่างหนึ่ง มันทำของมันได้ไง

ไอ้บอกตาบอด หลับตา หลับตา หลับตา ลืมตาสังเวชมาก เพราะมันไม่เกี่ยวกับการปฏิบัติเลย การปฏิบัตินะ หลับตาแล้วความสัมผัสมันสัมผัสได้ชัดได้เจนกว่า แล้วบอกว่ามันไม่มีเวทนา ไม่มีผัสสะ ไม่มีสัมผัส มันจะรู้ได้อย่างไร ก็มึงโง่ไง ก็มึงขุนทองไง ถ้าคนที่เขาทำได้ เขาทำของเขาได้ เขาทำของเขาได้ โลกุตตรปัญญา ปัญญาเกิดจากการภาวนานะ แล้วภาวนาแล้ว เวลาครูบาอาจารย์ท่านแก้กันน่ะ ภาวนาไปแล้วเป็นอย่างไร

เวลาพิจารณาไปแล้วเป็นอย่างไร เวลาจิตที่มันสัมผัส สัมผัส สัมผัสความคิด แล้วพลังงานมันอยู่ที่ไหน แล้วพลังงานที่มันสัมผัสแล้วปัญญามันเกิดอย่างไร เวลามันพิจารณาไปแล้ว ถ้าไม่มีกำลังมันรู้ได้เลยนะ ไม่มีกำลังขึ้นมา คือสมาธิไม่มั่นคงขึ้นมา มันพิจารณาไปไม่ได้ ถ้ามันพิจารณาไปได้ เราอยู่กับหลวงปู่เจี๊ยะ หลวงปู่เจี๊ยะถาม

หงบเป็นไง

โอ๋ย! ใสหมดเลย

ท่านพูดมาคำหนึ่งหงายท้องเลย สมาธิมึงเข้มเกินไป สมาธิเข้มข้นเกินไป

หลวงตาท่านก็พูด แต่ท่านไม่พูดให้ใครฟังนะ เพราะว่าอะไร พวกเรามันชอบไง เฮ้ย! กูทำมากเกินไป กูจะเหลวไหล เวลาสมาธิมันเข้มข้นเกินไปนะ สมาธิเสื่อม สมาธิเสื่อม ถ้าเวลาเสื่อมไปแล้วมันพิจารณาของมันไม่ได้เลย ถ้ารักษามันจริงจังขึ้นมา โครงกระดูกใสเป็นแก้วเลย แล้วมันไม่เป็นไตรลักษณ์ไง มันไม่ละลายออกไปให้เห็นไง แล้วเวลาเรานั่งกับหลวงปู่เจี๊ยะ ไอ้หงบเป็นไง นั่งเอียงๆ นั่นน่ะ โอ้โฮ! กระดูกนี้ใสหมดนะ อวดเขา อวดอาจารย์ อาจารย์สวนกลับเลย สมาธิมันเข้มข้นเกินไป

ไง ถ้าสมาธิมันเข้มข้นเกินไป มรรค ๘ ไง ดำริชอบ งานชอบ เพียรชอบ สมาธิชอบ สมาธิมันไม่ชอบ อาหารที่ใส่เกลือมากเกินไป อาหารที่ใส่รสจัดเกินไป ใส่พริกเกินไป จะกินแต่พวกผู้ใหญ่ไง ไม่ให้เด็กกิน เด็กไม่เกี่ยว เด็กไม่เกี่ยวนะ ส้มตำเผ็ดนะ ห้ามกิน จะกินน่ะ ใส่ปากไปร้องไห้เลย ไง ถ้ามันเข้มข้นเกินไป แล้วใครทำให้เข้มข้นเกินไปบ้าง เคยมีไหม ไม่มีหรอก ทำแต่ทำไม่ถึงเท่านั้นน่ะ จืดชืด ไม่มีรสชาติ เพราะจืดชืด เพราะไม่มีรสชาติ การภาวนาเลยเหยาะแหยะ แต่ถ้าคนมันเข้มข้น รสชาติมันเข้มข้น รสชาติมันเอร็ดอร่อย การภาวนานั้นกอดทางจงกรมไว้เลย เดินจงกรม ๗ วัน ๘ วัน ๑๐ เดือน ๑๐๐ ปีน่ะ เดินจงกรมเลย เพราะรสชาติมันเข้มข้น

รสของธรรมชนะซึ่งรสทั้งปวง รสของสติธรรม รสของสมาธิธรรม รสของปัญญาธรรม ปัญญาที่เกิดจากภาวนามยปัญญานะ ปัญญาที่เกิดจากการภาวนานะ ในพระไตรปิฎก ในธรรมขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า สาธุ นั่นน่ะชี้บอก เราเรียนมาทั้งนั้นน่ะ แต่เวลาถ้ามันเป็นจริงๆ ขึ้นมา มันไม่เหมือนในตำราหรอก ในตำราไม่มี แล้วมันเป็นจริงขึ้นมาในหัวใจของเราด้วย พอมันเป็นจริงขึ้นมานะ จิตเป็นอย่างไร อ่อนไป เข้มข้นไป

ไง มันเป็น เทฺวเม ภิกฺขเว ทางสองส่วนไม่ควรเสพ เขาบอกเป็นเทวะ เทวะ เทวะ เทวะอะไรของมึง มันทางสุดโต่งไง กามสุขัลลิกานุโยค อัตตกิลมถานุโยค ถ้าสายกลาง สายกลางอย่างไร เขาบอกเป็นเทวะ เทวะ เทวะ เป็นทางสองส่วน แล้วกลางเป็นอย่างไร กลางก็ต้องมีผัสสะ ไม่มีขันธ์ไง ฟังแล้วมันสังเวช สังเวชมาก

ไง การประพฤติปฏิบัติที่เอาปริยัติกับปฏิบัติมารวมกันน่ะ มันจะออกมาอย่างนี้ ครึ่งๆ กลางๆ จะว่านกก็ไม่ใช่นก จะว่าฟ้าก็ไม่ใช่ฟ้า จะว่างูก็ไม่ใช่งู งูๆ ปลาๆ ไม่รู้เป็นอะไร แต่มีคนเชื่อถือเป็นเหยื่อไปมากมายมหาศาล แต่ถ้าคนมีสติมีปัญญาขึ้นมานะ งูๆ ปลาๆ ใช้ไม่ได้ หลวงปู่มั่นต้องอย่างเดียว ต้อง ต้อง ต้อง เป็นอย่างอื่นไปไม่ได้ เป็นอย่างอื่นไปไม่ได้หมายความว่ากิเลสมันพาเป็นอื่นไปหมด กิเลสมันเฉไฉไปทั้งนั้นน่ะ

แต่ไอ้นั่นเฉไฉก็เพราะด้วยกิเลสมันพาไปไง ครูบาอาจารย์ก็จะแก้ไง ท่านจะให้อุบายนะ ลองพิจารณาอย่างนี้ ลองทำอย่างนี้ ให้เปรียบเทียบกัน แล้วถ้ามันเข้าถูกทางเรารู้เอง อาหารที่รสจัด อาหารที่จืดชืด กับอาหารที่กลมกล่อม แตกต่างกัน ความแตกต่างกันนั้นใจได้สัมผัส ใจได้รับรู้ ปัญญามันเกิดอย่างนี้ คือการภาวนามยปัญญา ไม่ใช่เถ่อ เก็บหญ้า เก็บผัก แล้วก็บอกว่าได้คุณประโยชน์ด้วย

คุณประโยชน์ของธรรมนะ การเวียนว่ายตายเกิดในวัฏฏะ ความทุกข์ความยากในภพชาติ แล้วถ้ามันถอดมันถอนไป มันดีกว่าถอนหญ้าไหม ดีกว่าไปเก็บผัก ดีกว่าเยอะเลย สิ่งนั้นมันเป็นเรื่องปัจจัยเครื่องอาศัย ถ้าเป็นกิริยามารยาท เป็นการแสวงหามาเพื่อสังคม เพื่อหมู่คณะ มันก็เป็นเรื่องหนึ่ง เป็นเรื่องของทาน มันเป็นเรื่องคุณงามความดีของระดับของทาน ของโลก แต่ระดับคุณงามความดีของหัวใจนะ อินทร์ พรหมเขารู้หมด เทวดา อินทร์ พรหมเขาดูอยู่เลย

เวลาครูบาอาจารย์ของเราอยู่ในป่าในเขา ประวัติหลวงปู่ชอบ นางฟ้าเอาอาหารทิพย์มาลูบ เพราะท่านอดอาหารน่ะ ไม่มี ไม่มีหรอก เป็นตัวๆ เป็นตนๆ วิญาณไม่มี ไม่มี ไม่มีก็เก็บเอาไว้ไม่มีนั่นน่ะ ไอ้คนที่เขามีเขาทำเป็นนะ มึง มีหรือไม่มี จริงหรือไม่จริง เท็จหรือจริง เท็จทั้งนั้น เท็จทั้งนั้นเพราะอะไร เพราะมันไม่มีอยู่จริงไง ถ้ามีอยู่จริงน่ะ

ธรรมะขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้านะ มันเป็นพื้นๆ ระดับของทาน ฆราวาสธรรม เราฝึกหัดเด็กน้อย จิตที่ไร้เดียงสาก็ฝึกหัดขึ้นมา ถ้ามันทำสมาธิของมันได้นะ จะเติบโตขึ้นไปข้างหน้า เราก็จะฝึกหัดภาวนา ฝึกหัดใช้ปัญญา เวลาปัญญาไปแล้วนะ ปัญญาที่มันจะสมุจเฉทปหานหรือไม่ มันจะจบสิ้นกระบวนการของมันหรือไม่ ถ้าไม่จบสิ้นกระบวนการของมัน เราก็พยายามทำซ้ำ ทำซ้ำไง การทำซ้ำคือการตวรจสอบไง ตทังคปหาน สมุจเฉทปหาน การประหารกิเลสดั่งแขนขาด เวลากิเลสมันขาดไปจากใจแล้วน่ะ โอ้โฮ! มันชัดเจน อกุปปธรรม อฐานะที่ไม่มีการเปลี่ยนแปลง เป็นสัจจะเป็นความจริงในหัวใจของสัตว์โลก

วันนี้วันพระ เราพยายามจะสร้างสมให้หัวใจของเราเป็นผู้ประเสริฐ ประเสริฐจากไม่ให้กิเลสมันครอบงำ แล้วเราพยายามตรวจสอบ อย่าเชื่อ กาลามสูตรเท่านั้น พระพุทธเจ้าสอนไว้ไม่ให้เชื่อ ไม่ให้เชื่อ แล้วพยายามประพฤติปฏิบัติ ค้นคว้าของเราขึ้นมา หาความจริงในใจของเรา ถ้าได้ความจริงแล้วนะ จบ เอวัง